ลก 11: 1 – 4
... วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงอธิษฐานภาวนาอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อทรงอธิษฐานจบแล้ว ศิษย์คนหนึ่งทูลพระองค์ว่า “พระเจ้าข้า โปรดสอนเราให้อธิษฐานภาวนาเหมือนกับที่ยอห์นสอนศิษย์ของเขาเถิด” พระองค์จึงตรัสกับเขาว่า “เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐานภาวนา จงพูดว่า”
“ข้าแต่พระบิดา พระนามพระองค์จงเป็นที่สักการะ
พระอาณาจักรจงมาถึง
โปรดประทานอาหารประจำวันแก่ข้าพเจ้าทั้งหลายทุกวัน
โปรดประทานอภัยแก่ข้าพเจ้าทั้งหลาย
เหมือนข้าพเจ้าทั้งหลายให้อภัยแก่ผู้อื่น
โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายไม่ให้แพ้การประจญ”
วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม 2019 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสังคม อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ ร่วมร้องเพลงและส่งความสุขโอกาสพระคริสตสมภพ และสวัสดีปีใหม่ พร้อมมอบกระเช้าให้กับคุณพ่อสมเกียรติ บุญอนันตบุตร ผู้อำนวยการฝ่ายงานธรรมทูต อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ และเจ้าหน้าที่ณ อาคารเซนต์โธมัส ชั้น 4
.... แล้วพระองค์ก็หันมาทางอีกลุ่มหนึ่ง ในศตวรรษที่ 21 แล้วกล่าวว่า
1. เราหิว ขออาหารจากเจ้า แต่เจ้ากลับสร้างภัตตาคารที่หรูหรา ที่เมนูอาหารแต่ละรายการราคาแพง ขนาดรายได้ของคนยากจนหนึ่งเดือนยังไม่สามารถชำระค่าอาหารจานนี้ได้เลย
2. เราเปลือยกาย ไม่มีเสื้อผ้านุ่งห่ม ขอเสื้อผ้าจากเจ้า แต่เจ้ากลับสร้างโรงงานผลิตใยสังเคราะห์เพื่อทอผ้าแพงๆ ออกแบบเสื้อแฟชั่นที่น้อยคนกล้าใส่ มีแต่นางแบบเท่านั้นที่กล้าสวมใส่เดินบน catwalk
3. เราป่วย เจ็บไข้ ขอยาจากเจ้า แต่เจ้ากลับสร้างศูนย์สุขภาพคลินิกที่รับเฉพาะคนที่สามารถจ่ายค่าหมอ ค่ายาแพงๆ คนไข้ยากจน เจ้าไล่ให้ไปหาศูนย์สาธารณสุขที่ให้ยาพื้นๆ ถูกๆไม่รู้ว่าจะช่วยลดไข้ได้หรือไม่
สมศรีและสดศรี ทั้งคู่เป็นหัวหน้าของชาวนาของเจ้านายเจ้าของนาคนเดียวกัน ถึงแม้ทั้งคู่จะเป็นเพื่อนกัน แต่วิธีการทำงานของทั้งสองแตกต่างกัน
สมศรีจะเตรียมงานของตนไว้อย่างรอบคอบ มิใช่สำหรับงานวันรุ่งขึ้นเท่านั้น แต่สำหรับสัปดาห์หน้า สำหรับเดือนหน้า และสำหรับฤดูหน้าด้วย ส่วนสดศรี ถึงแม้เป็นหัวหน้าคนงานเธอกลับไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าไว้เลย ทีมคนงานของเธอจึงประสบความยุ่งยาก ขาดอุปกรณ์ทำนาขาดสิ่งจำเป็นสำหรับงานของตน
การนำตัวเราเองเผชิญหน้าพบพระเจ้า ก็คือ การภาวนาของมนุษย์นั่นเอง การภาวนาเมื่อเทียบเป็นกิจการหนึ่งของมนุษย์ ก็คือการนำตัวเราอยู่ต่อหน้าการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเราเอง เพื่อว่าเราเองจะสามารถเห็นการประทับอยู่ของพระองค์ในทุกคน และในทุกสิ่งรอบๆตัวเรา
เพื่อที่จะภาวนาได้ เราจะต้องออกแรงเช่นกันที่จะสำรวมตน ตั้งจิตสำนึกตนทั้งด้านกายภาพ ความรู้สึก จินตนาการ ปรีชาญาณ อำเภอใจ ความต้องการ มิติเวลา สถานที่และสิ่งแวดล้อม เพื่อว่าตัวเราเองจะสามารถอยู่ตรงนี้ ที่นี่ เวลานี้จริง ต่อหน้าพระเจ้าในการพบปะกับพระองค์ด้วยความรักเป็นการส่วนตัว
อุปสรรค (ของการภาวนา) ก็คือการแสวงหาพระเจ้าเพื่อตัวเราเอง แทนที่จะภาวนาเพราะความรักต่อพระเจ้า แทนที่จะต้อนรับการประทับอยู่ของพระเจ้าในตัวเรา เรากลับปฏิบัติตัวกับพระองค์อย่างกับว่าพระองค์เป็นสิ่งของชนิดหนึ่งที่เราขวนขวายเพื่อสนองความอยาก ความต้องการของเรา
คำภาวนา/การภาวนา ต้องเป็นการเปิดใจ เป็นการฟัง เป็นความเชื่อ เป็นการต้อนรับและเป็นการมอบตัวเองทั้งครบต่อพระองค์ คำภาวนา/การภาวนา นำเราจากการตั้งตัวเราเป็นศูนย์กลางของความอยากได้ต่างๆ ไปสู่ความรักผู้อื่น