พอใจในสิ่งที่มี
บุคคลผู้มีความสุขกับชีวิต
บุคคลผู้ที่ชีวิตแสนจะเรียบง่ายนั้น
เขาคือคนที่รู้จักพอใจ
ไม่โหยหาสิ่งใดเพิ่มเติมอีก
เขารู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่ตนเองมี
อยู่อย่างเต็มที่ . . เขาไว้วางใจว่า
พระเจ้าจะเพิ่มเติมสิ่งอื่นๆ ให้
ในเวลาอันสมควร . . .
การมีมาก ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น
อย่างที่โลกนี้ต้องการให้เชื่อจริงหรือ ?
คำตอบคือ ไม่เลย
ที่จริงแล้วยิ่งเรามีมากเท่าไหร่
เราต้องเหนื่อยมากขึ้นเท่านั้น
เพื่อคอยดูแลรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้ . .
เราอาจคิดว่า การมีมากขึ้น
อาจทำให้ชีวิตเราสบายขึ้น
แต่แท้จริงแล้วบ่อยครั้งมันกลับทำให้
ชีวิตของคนวุ่นวายมากขึ้นต่างหาก
การมีข้าวของต่างๆ ไม่ใช่เรื่องผิด แต่
การโลภอยากได้ของเหล่านั้นเป็นสิ่งผิด
เมื่อใดที่เรารู้สึกไม่เป็นสุข ไม่มีความสุข
ถ้าไม่ได้ครอบครองสิ่งเหล่านั้น
เท่ากับเรากำลังโลภแล้ว . .
ชีวิตคือการเดินทาง
ไม่ใช่จุดหมายปลายทาง . .
ใครที่อยากเป็นสุขก็ต้องเรียนรู้
ที่จะเป็นสุข ในขณะที่เดินทางด้วย
ในท้ายที่สุดเมื่อเราบรรลุจุดหมาย
ปลายทางแห่งหนึ่ง มันกลับเป็นจุดเริ่มต้น
การเดินทางไปยังจุดหมายแห่งใหม่
ดังนั้นถ้าเราไม่รู้สึกเป็นสุขกับการเดินทาง
เราก็จะไม่มีทางเป็นสุขกับชีวิตได้เลย
ตัดสินใจที่จะเริ่มมีความสุขอย่างเต็มที่
กับสิ่งที่เรามี และขอบพระคุณพระเจ้า
สำหรับสิ่งเหล่านั้นเสมอ
เรียนรู้ที่จะทูลสิ่งต่างๆ ที่ต้องการ
จากพระเจ้า และเชื่อว่าพระองค์
จะประทานให้ในเวลาอันสมควร
ถ้าพระองค์เห็นชอบเราก็ได้รับ
การรับมือเช่นนี้ จะทำให้เรามีความสุข
กับสิ่งที่มีอยู่ในชีวิตทุกๆวัน
ฮีบรู 13 : 5 หนุนใจเราว่า . . .
ท่านจงอย่าเป็นคนเห็นแก่เงิน
จงพอใจในสิ่งที่ท่านมีอยู่
เพราะว่าพระองค์ได้ตรัสว่า
เราจะไม่ละท่านหรือทอดทิ้งท่านเลย
ที่มาข้อมูล : Giver Club