กาลครั้งหนึ่ง เจ้าเต่ากับกระต่ายเถียงกันว่าใครเร็วกว่ากัน ทั้งคู่จึงตกลงที่จะวิ่งแข่ง กำหนดเส้นทางวิ่งแล้วก็เริ่มแข่งขัน เจ้ากระต่ายนำโด่งมาไกลก็เลยชะล่าใจ คิดว่าพักผ่อนใต้ต้นไม้สักครู่ก่อนค่อยแข่งต่อก็คงดี ไปๆ มาๆ ก็ง่วง ตื่นมาอีกทีเจ้าเต่าก็คว้าแชมป์ไปแล้ว
นิทานตอนนี้สอนให้รู้ว่า ช้าๆ แต่มั่นคงสามารถเอาชนะได้เหมือนกัน
นี่เป็นเวอร์ชั่นเด็กที่เราคุ้นหูกัน ไม่นานมานี้มีคนเล่าเวอร์ชั่นใหม่ที่น่าสนใจให้ฟัง
เจ้ากระต่ายสันหลังยาวอารมณ์ไม่ดีที่แพ้มันจึงค้นหาจุดอ่อนของตนเอง และพบว่าความมั่นใจในตัวเองเกินไปบวกกับความขี้เกียจของมันนั่นแหละที่ทำให้แพ้ ถ้ามันไม่เผลอหลับ เต่าหน้าไหนจะเอาชนะมันได้
มันจึงขอแก้ตัวใหม่อีกครั้ง แน่นอนว่าครั้งนี้เจ้าเต่าโดนทิ้งไม่เห็นฝุ่น กระต่ายชนะขาดลอย ต่อให้ช้าแต่ชัวร์ ยังไงก็แพ้ความเร็วและความสม่ำเสมอ
ถ้าเราเปรียบเทียบคนสองคนในองค์กรของเรา คนหนึ่งช้า ทำอะไรมีระบบระเบียบแบบแผนไม่เคยพลาด ไว้ใจได้แน่นอนในผลงานของเขาเทียบกับอีกคนที่เร็วและพอไว้ใจได้ในสิ่งที่เขาทำคนที่เร็วกว่ามักจะประสบความสำเร็จ เจริญก้าวหน้าในองค์กรนั้นๆ มากกว่า ช้าแต่ชัวร์ แต่ยุคนี้ความเร็วก็สำคัญ
เรื่องยังไม่จบแค่นี้ คราวนี้ถึงทีเจ้าเต่า หาจุดบกพร่องของตัวเองบ้าง และมันพบว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะชนะกระต่ายในเส้นทางการวิ่งแบบนี้เป็นอยู่นี้ มันคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ไปท้ากระต่ายแข่งใหม่ แต่ขอเปลี่ยนเส้นทางวิ่ง เจ้ากระต่ายตกลง พอการแข่งเริ่ม เจ้ากระต่ายก็ใส่เกียร์ห้าออกไปเต็มสปีดเลย
จนกระทั่งไปถึงระหว่างทาง "เฮ้ย!!! ต้องข้ามแม่น้ำ ทำยังไงดีล่ะ..."
เส้นชัยอยู่ไม่ห่างจากฝั่งตรงข้ามเท่าไรนักเจ้ากระต่ายมัวแต่งงว่าจะทำอย่างไรดี จนเจ้าเต่าคืบคล้านมาทันแล้วก็ลงน้ำว่ายข้ามฝั่งไปเข้าเส้นชัย
นิทานตอนนี้สอนให้รู้ว่า...
พิจารณาจุดแข็งของตนให้ดี แล้วพยายามเปลี่ยนสนามการแข่งขันให้ตนเองได้เปรียบมากที่สุด ด้วยน้ำใจนักกีฬา ครั้งนี้เจ้าเต่ากับกระต่ายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว ต่างคนต่างระดมสมองคิดด้วยกัน หากทั้งสองร่วมคิด การแข่งแบบครั้งล่าสุดจะช่วยให้ทำเวลาได้ดีขึ้น ดังนั้น พวกมันจึงคิดจะแข่งอีกครั้ง แต่แข่งคราวนี้เป็นแบบทีมเวิร์ค
เริ่มต้นเจ้ากระต่ายก็แบกเต่าวิ่งไปด้วยความเร็วสูง จนถึงริมแม่น้ำแล้ว เจ้าเต่าก็ให้กระต่ายขี่หลังว่ายข้ามไป พอถึงฝั่ง เจ้ากระต่ายก็แบกเต่าวิ่งต่อจนเข้าเส้นชัยด้วยกัน ผลการแข่งครั้งนี้สร้างความพึงพอใจให้กับทั้งสองฝ่ายมากกว่าการแข่งขันครั้งก่อนหน้านี้
นิทานตอนนี้สอนให้รู้ว่า ... การมีจุดแข็งและความสามารถโดดเด่นเฉพาะตัวเป็นสิ่งที่ดี แต่หากไม่รู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่นก็ไปไม่รอด เพราะมีบางสถานการณ์ที่เราเจ๋ง คนอื่นเจ๊ง ในขณะที่บางสถานการณ์เราเจ๊ง แต่คนอื่นเจ๋ง ทีมเวิร์คสำคัญตรงที่กำหนดผู้นำให้เหมาะกับสถานการณ์ ให้ผู้ที่มีความถนัดกับสถานการณ์นั้นๆ
เป็นผู้นำกลุ่มในแต่ละช่วยสถานการณ์ที่เหมาะสม นอกจากนี้เรายังได้บทเรียนด้วยว่าไม่ว่าเต่าหรือกระต่าย ไม่มีใครที่คิดเลิกล้มหรือท้อแท้หลังจากความล้มเหลว กระต่ายแก้ไขจุดบกพร่องของตนเอง โดยทำงานหนักขึ้น และเพิ่มความุมานะในงานของตนเอง หลังจากพบความล้มเหลว
ส่วนเต่าได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ของคนใหม่เพราะตัวมันเองได้ทำงานหนักที่สุดเท่าที่มันจะสามารถทำได้แล้วในชีวิต เมื่อเราพบกับปัญหาหรือความล้มเหลว บางครั้งเราควรทำงานให้หนักขึ้นและมีความเอาใจใส่ในงานมากกว่าเดิม
บางครั้งควรเปลี่ยนแผนการทำงาน และทดลองสิ่งใหม่ๆ ที่แตกต่างออกไป และในบางครั้งก็จำเป็นต้องทำทั้งสองอย่าง นอกจากนั้น ได้บทเรียนที่สำคัญอีกอย่างคือ เมื่อเราหยุดการแข่งขันกับตัวบุคคล และหันมาแข่งขันกับสถานการณ์แทน เราจะทำงานได้ดีขึ้นมากกว่า โดยสรุป กระต่ายกับเต่าสอนเราหลายอย่าง
ความรวดเร็วเสมอต้นเสมอปลาย ชนะความอืดอาดแต่แน่นอนเสมอ เลือกทำงานให้เหมาะกับความสามารถพิเศษของตน การทำงานเป็นทีมย่อมชนะคนที่เจ๋งแต่ลุยเดี่ยว
อย่ารีมยอมแพ้ เมื่อพบกับความล้มเหลวและท้ายสุด คือจงแข่งกับสถานการณ์ไม่ใช่ตัวบุคคล
ที่มา : นิตยสารแม่พระยุคใหม่ ราย 2 เดือน ฉบับที่ 230 ปีที่ 39 มีนาคม - เมษายน 2020/2563 หน้า 40-41