การภาวนาเป็นการเปิดประตูดวงใจแห่งสติปัญญา ด้วยความเชื่อและความศรัทธาวางใจในการติดต่อสัมพันธ์กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นองค์แห่งสันติความสงบร่มเย็น องค์แห่งความดี ความรัก และความบริสุทธิ์แห่งจิตวิญญาณ ดังนั้นการภาวนา จึงเรียกร้องเราให้มีความสงบ รู้จักปล่อยวางจากหาความห่วงกังวล ความกระวนกระวายใจและมอบความวางใจในพระองค์ ผู้ทรงเป็นบิดาผู้ใจดีและรักเราเสมอ พร้อมที่จะรับฟังและช่วยเหลือเรา เพื่อให้เราสามารถจัดการกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราได้ในแต่ละขณะของชีวิต การภาวนา จึงเป็นการแสดงออกถึงความต้องการในจิตใจของเราและเป็นน้ำใจอิสระของเราที่จะได้ปฏิบัติแสดงออกมาด้วยการ “สรรเสริญ ขอบพระคุณพระเจ้า” สำหรับสิ่งต่างๆที่ได้ประทานให้แก่เรา และ “ขอโทษพระองค์” สำหรับความผิดพลาด อ่อนแอ ที่ไม่ได้ยึดมั่นในความดีและความถูกต้องของชีวิต ที่เราควรจะได้ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระ ไม่ใช่ตามใจของเราเองเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการ “วอนขอ” พระพรและการช่วยเหลือจากพระ เพื่อให้เราได้สามารถดำเนินชีวิตในหนทางที่ปลอดภัยรอดพ้นจากภยันตรายและสิ่งชั่วร้ายต่างๆในชีวิตของเราด้วย
“จงขอและท่านจะได้รับ” จึงเป็นคำสอนที่องค์พระเยซูเจ้าได้ตรัสเตือนใจเราทุกคนให้รู้จักภาวนาและภาวนาด้วยความวางใจในพระเมตตาและความรักของพระองค์พระเจ้าที่ประทานให้กับเรา เพื่อความดีและความรอดปลอดภัยสำหรับเราทุกคน ตังที่พระองค์จะประทานให้กับเราทุกครั้ง เมื่อเราสวดภาวนา หรือวิงวอนร้องขอต่อพระองค์ด้วยความจริงใจและวางใจในพระองค์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
(ที่มา : คุณพ่อประชาชาติ ปรีชาวุฒิ, 25 ปี ชีวิตสงฆ์แห่งพระพร, กรุงเทพฯ หน้า 97)