สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ตรัสว่า พระองค์ไปรับศีลอภัยบาปทุกๆ 15 – 20 วัน เพราะสำนึกในบาปที่ทำ และรู้ตัวว่าทรงต้องการพระเมตตาจากพระเจ้า พระองค์ทรงรู้สึกสนิทสัมพันธ์กับ “นักบุญมัทธิว” มาก ทรงรำลึกความหลังจากความประทับใจหลังไปแก้บาปตอนอายุ 17 ปี วันนั้นเป็นวันที่ 21 กันยายน วันฉลองนักบุญมัทธิว หลังจากออกจากห้องแก้บาปแล้ว พระองค์ทรงทราบว่าตนเองได้รับกระแสเรียกจากพระเจ้าให้เป็นพระสงฆ์ติดตามพระเยซูเจ้า และคำขวัญสมัยเป็นพระสังฆราชและพระสันตะปาปา พระองค์ทรงเลือกเหตุการณ์ที่พระเยซูเจ้าทรงเรียกนักบุญมัทธิวให้มาติดตามพระองค์
พระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงประทับใจประวัติของนักบุญมัทธิว และรู้สึกว่าท่านนักบุญมีความเกี่ยวข้องกับพระองค์อย่างมาก ทรงเลือกคำขวัญสมัยเป็นพระสังฆราชและได้รับเลือกเป็นพระสันตะปาปาว่า “ทรงเมตตาในการเลือกเขา” (Miserando atque eligendo)
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงเน้นว่า พระศาสนจักรต้องไม่ติดกับดักการประจญที่ทำให้เรายึดกฎบัญญัติเพียงอย่างเดียว เพราะหากเป็นเช่นนั้น ผู้คนจำนวนมากจะถูกกีดกันออกไป ทรงย้ำว่า โลกยุคนี้ เคยชินกับข่าวร้ายไปแล้ว ทั้งที่ความจริง เราต้องแสวงหาข่าวดีจากพระเจ้าต่างหาก เพราะนี่คือสิ่งที่จะขับเคลื่อนเราไปข้างหน้า ทรงย้ำเสมอว่าต้องการให้ พระศาสนจักรเป็น “โรงพยาบาลสนาม” ที่อาจจะต้องบาดเจ็บจากการออกไปตามท้องถนน มากกว่าเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะอยู่เฉยๆไม่ขยับตัวทำอะไรเลย
พระสันตะปาปาฟรังซิสทรงยอมรับว่า ต้องการส่งเสริมบทบาทสตรีในพระศาสนจักร แต่ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใจ “ความเป็นแม่ของพระเจ้า” ดังนั้น พระองค์จึงทรงเลือกที่จะพูดถึงความอ่อนโยนของพระเจ้าว่า เป็นทั้งแบบพ่อและแม่ ถ้าเราเปิดใจรับความอ่อนโยนของพระเจ้า เราจะเป็นคนที่รู้จักอดทนและอ่อนโยนมากขึ้น และถ้าเราเปิดใจให้ความเมตตาของพระเจ้า เราจะไม่มองเพื่อนมนุษย์เป็นแค่สิ่งของ แต่เป็นเพื่อนพี่น้อง เป็นบุตรของพระเจ้าเช่นเดียวกัน
(ที่มา : นิตยสารแม่พระยุคใหม่, ปีที่ 39 ฉบับที่ 229, ประจำเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ 2020/2563 หน้า 15)