วันพฤหัสศักดิ์สิทธิ์
พระคริสตเจ้า สงฆ์สูงสุด ได้ตั้งศีลแห่งความรัก
การตั้งศีลมหาสนิทให้เป็นพิธีระลึกถึงพันธสัญญาใหม่เป็นทรรศนะที่เราแลเห็นได้ชัดแจ้งที่สุดของพิธีกรรมในวันนี้ โดยเรียกร้องให้คริสตชนได้รำลึกถึงเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่สื่อความหมายของการช่วยให้รอดของการรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายของพระสวามีเจ้า นอกนั้น พระศาสนจักรยังเชิญชวนให้เราได้ทำการรำพึงถึงทรรศนะอีก 2 ทรรศนะของรหัสธรรมที่เราทำการฉลองในวันนี้อีกด้วย คือ การตั้งศีลบวชเป็นพระสงฆ์ และการให้บริการฉันท์พี่น้องในความรัก
การเป็นสงฆ์และความรักได้รับการผูกพันเข้าไว้ด้วยกันในศีลมหาสนิทนี้
พระเยซูเจ้าล้างเท้าของอัครสาวกคือพฤติกรรมแสดงความรัก
มีความหมายมาก การที่นักบุญยอห์นได้เล่าเหตุการณ์ในชั่วโมงสุดท้ายๆ แห่งชีวิตของพระเยซูเจ้ากับสานุศิษย์ของพระองค์ รวมทั้งได้บันทึกและรวบรวมสุนทรพจน์ของพระองค์ในระหว่างการทานเลี้ยงมื้อสุดท้ายด้วย โดยที่ไม่ได้เล่าถึงพฤติกรรมทางจารีตพิธีของปังและเหล้าองุ่นเช่นผู้นิพนธ์พระวรสารท่านอื่นๆ แม้ว่าพฤติกรรมดังกล่าวจะเป็นข้อมูลที่ตายตัวและเก่าแก่ที่สุดของธรรมประเพณีที่กลุ่มคริสตชนเดิมมีอยู่แล้วดังที่ปรากฎอยู่ในเอกสารฉบับแรกที่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ คือ จดหมายของนักบุญเปาโลที่เขียนถึงชาวโครินทร์ แต่เราก็เชื่อว่านักบุญยอห์นคงมีเหตุผลในการทำเช่นนั้น
อย่างไรก็ตาม นักบุญยอห์นให้ความสนใจเป็นพิเศษกับพฤติกรรมของพระเยซูเจ้าที่ได้ล้างเท้าของพวกอัครสาวก ทั้งได้กำชับให้พวกเขาทำเช่นเดียวกันด้วย และนี่เป็นเหมือนพินัยกรรมและแบบอย่างที่พระองค์ได้ให้กับบรรดาสานุศิษย์ของพระองค์
พระองค์มิได้สั่งให้พวกเขาประกอบจารีตพิธีนี้แบบซ้ำๆ ซากๆ อย่างเครื่องจักร แต่พระองค์ได้กำชับให้พวกเขาทำเหมือนกับที่พระองค์ได้ทำ นั่นก็คือให้พวกเขาได้รู้จักให้บริการแก่กันและกันในทุกๆโอกาสและในทุกๆสถานที่ ทั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นว่าพระคริสต์ได้ทรงรักพวกเขา (มนุษย์ทุกคน) จนถึงที่สุด
ดังนั้น พฤติกรรมที่แสดงออกซึ่งความรักทุกๆพฤติกรรมจึงเป็น “ศีลศักดิ์สิทธิ์” อย่างหนึ่ง เพราะว่าเป็นพฤติกรรมที่เรามนุษย์สามารถแลเห็นได้ของความเป็นจริงอันหนึ่งอันเดียว นั่นก็คือความรักของพระบิดาเจ้าในพระคริสต์ และความรักของบรรดาคริสตชนในพระคริสต์ด้วย