14 ตุลาคม
นักบุญกัลลิสตัสที่ 1 (+222)
พระสันตะปาปา และ มรณสักขี
เชื่อกันว่านักบุญ กัลลิสตัส ได้เป็นทาสมาก่อน และได้ถูกทำโทษให้ไปทำงานในเหมืองแร่ที่เกาะซาร์ดิเนีย ต่อมาได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระพร้อมกับคริสตชนคนอื่นๆ พระสันตะปาปาเซเฟรีโน ได้แต่งตั้งท่านให้เป็นอนุสงฆ์ และได้มอบหมายให้ท่านดูแลสุสานที่ถนนอัปปีอา ซึ่งต่อมาภายหลังเราเรียกสุสานนี้ตามชื่อของพระองค์ คือ “คาตาคอมบ์นักบุญกัลลิสตุส”
นักบุญกัลลิสตัสได้เป็นพระสันตะปาปาในปี 218 พระองค์ได้ทรงจัดระบบสุสานของพวกคริสตชนเสียใหม่ โดยให้รวบรวมบรรดาร่างกายของมรณสักขีทั้งหลาย แล้วให้เอาไปรวมไว้ในสุสานเหล่านั้น พระองค์ได้ทรงต่อสู้กับความหลงผิดบางประการในเรื่องพระตรีเอกภาพและในปัญหาเกี่ยวกับเรื่องจริยศาสตร์ พระองค์ได้ทรงลดความแข็งกร้าวลงและมีความเข้าอกเข้าใจมากขึ้น โดยได้ประกาศว่าบาปทุกชนิด รวมทั้งบาปละทิ้งศาสนาด้วย พระศาสนจักรสามารถยกโทษให้ได้ถ้าเขาจะเป็นทุกข์กลับใจ และความไม่เสมอภาคทางสังคมไม่ใช่เป็นเหตุขัดข้องสำหรับการแต่งงานของคริสตชน และแม้กระทั่งของทางบ้านเมืองด้วย ในสมัยของพระองค์ได้มีนักบวชกลุ่มหนึ่งทำตัวเป็นผู้ต่อต้านพระสันตะปาปา ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในพระศาสนจักร
พระองค์ได้ทรงสิ้นใจอย่างลึกลับ เชื่อว่าคงเป็นขณะที่เกิดการจลาจลของพวกคนต่างศาสนาและพวกฮีบรู เราถือว่าพระองค์เป็นมรณสักขีด้วย
คำภาวนาทูลขอและข้อปฏิบัติ
1. อย่าให้บาปอันใดทำให้เราหมดหวังในการที่จะได้รับการอภัยจากพระผู้เป็นเจ้าเลย
2. ขอให้การระลึกถึงบรรดามรณสักขีช่วยทำให้เราคิดถึงมรณสักขีผู้ยิ่งใหญ่ คือพระเยซูคริสตเจ้า
3. ขอให้บูชามิสซาช่วยทำให้เราได้มีความรู้สึกที่มีชีวิตชีวาในสหพันธ์นักบุญ
4. ขออย่าให้ความไม่เสมอภาคทางสังคมมาทำลายศักดิ์ศรีของมนุษย์
(ที่มา : ย.วีรศักดิ์ วนาโรจน์สุวิช, ประวัตินักบุญตลอดปี, นครปฐม, วิทยาลัยแสงธรรม สามพราน, 1985, หน้า 416-417)