การภาวนาเป็นการเปิดประตูดวงใจแห่งสติปัญญา ด้วยความเชื่อและความศรัทธาวางใจในการติดต่อสัมพันธ์กับองค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้เป็นองค์แห่งสันติความสงบร่มเย็น องค์แห่งความดี ความรัก และความบริสุทธิ์แห่งจิตวิญญาณ ดังนั้นการภาวนา จึงเรียกร้องเราให้มีความสงบ รู้จักปล่อยวางจากหาความห่วงกังวล ความกระวนกระวายใจและมอบความวางใจในพระองค์ ผู้ทรงเป็นบิดาผู้ใจดีและรักเราเสมอ พร้อมที่จะรับฟังและช่วยเหลือเรา เพื่อให้เราสามารถจัดการกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราได้ในแต่ละขณะของชีวิต การภาวนา จึงเป็นการแสดงออกถึงความต้องการในจิตใจของเราและเป็นน้ำใจอิสระของเราที่จะได้ปฏิบัติแสดงออกมาด้วยการ “สรรเสริญ ขอบพระคุณพระเจ้า” สำหรับสิ่งต่างๆที่ได้ประทานให้แก่เรา และ “ขอโทษพระองค์” สำหรับความผิดพลาด อ่อนแอ ที่ไม่ได้ยึดมั่นในความดีและความถูกต้องของชีวิต ที่เราควรจะได้ปฏิบัติตามน้ำพระทัยของพระ ไม่ใช่ตามใจของเราเองเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการ “วอนขอ” พระพรและการช่วยเหลือจากพระ เพื่อให้เราได้สามารถดำเนินชีวิตในหนทางที่ปลอดภัยรอดพ้นจากภยันตรายและสิ่งชั่วร้ายต่างๆในชีวิตของเราด้วย
วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน 2020 สัปดาห์ที่ 3 เทศกาลปัสกา
เวลา 8.30 น. ภาษาไทย
คุณพ่อทนุ เจษฎาพงศ์ภักดี ประธาน
เวลา 10.00 น. English Mass
Fr. John Murray
1 โครินทธ์ 12: 4 – 7 : 11
พระพรพิเศษมีหลายประการ แต่มีพระจิตเจ้าพระองค์เดียว มีหน้าที่หลายอย่างต่างกัน แต่มีองค์พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียว กิจการมีหลายอย่าง แต่มีพระเจ้าพระองค์เดียวผู้ทรงกระทำทุกอย่างในทุกคน พระจิตเจ้าทรงแสดงพระองค์ในแต่ละคนเพื่อประโยชน์ส่วนรวม … พระพรพิเศษทั้งมวลเป็นผลงานจากพระจิตเจ้าพระองค์เดียว ผู้ทรงแจกจ่ายพระพรต่างๆ ให้แต่ละคนตามที่พอพระทัย
• เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี ผู้เลี้ยงแกะย่อมสละชีวิตเพื่อแกะของตน ลูกจ้าง ที่ไม่ใช่ผู้เลี้ยงแกะ และไม่เป็นเจ้าของแกะ เมื่อเห็นสุนัขป่าเข้ามา ก็ละทิ้งบรรดาแกะและหนีไป สุนัขป่าแย่งชิงแกะ และฝูงแกะก็กระจัดกระจายไป ลูกจ้างวิ่งหนีเพราะเขาเป็นเพียงลูกจ้าง ไม่มีความห่วงใยฝูงแกะเลย เราเป็นผู้เลี้ยงแกะที่ดี เรารู้จักแกะของเรา และแกะของเราก็รู้จักเรา พระบิดาทรงรู้จักเราฉันใด เราก็รู้จักพระบิดาฉันนั้น เรายอมสละชีวิตเพื่อแกะของเรา เรายังมีแกะอื่นๆ ซึ่งไม่อยู่ในคอกนี้ เราต้องนำ หน้าแกะเหล่านี้ด้วย แกะจะฟังเสียงของเรา จะมีแกะเพียงฝูงเดียว และผู้เลี้ยงเพียงคนเดียว พระบิดาทรงรักเรา เพราะเราสละชีวิตของเรา เพื่อจะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก ไม่มีใครเอาชีวิตไปจากเราได้ แต่เราเองสมัครใจ สละชีวิตนั้น เรามีอำนาจที่จะสละชีวิตของเรา และมีอำนาจที่จะเอาชีวิตนั้นคืนมาอีก นี่คือพระบัญชาที่เราได้รับจากพระบิดาของเรา
(ยอห์น 10:11-18)
คืนหนึ่งชายคนหนึ่งฝันว่า เขาเดินไปตามชายหาดกลับพระเยซูเจ้า เขารู้สึกว่ามีความสุข มีกำลังใจ รอยเท้าที่ปรากฏบนผืนทรายนั้นมี 2 คู่ เดินเคียงกันไป… แต่แล้วต่อมา เมื่อเขาเหลียวหลังกลับไปมอง เขากลับเห็นรอยเท้านั้นเหลือเพียงคู่เดียว ชายคนนั้นจำได้ว่า ช่วงเวลาดังกล่าว เป็นเวลาที่เขามีความทุกข์ใจอย่างมาก เขาจึงร้องถามพระเยซูว่า "ทำไมพระองค์ถึงปล่อยให้ฉันเดินเพียงลำพัง พระองค์ไปอยู่ที่ไหนในช่วงเวลาวิกฤตของชีวิตฉัน?" พระเยซูเจ้าทรงตอบว่า "เราไม่เคยห่างไกลจากเจ้าเลย โดยเฉพาะเวลาแห่งความทุกข์ของเจ้านั้น เราอยู่ใกล้ชิดเจ้ามากที่สุด รอยเท้าที่เจ้าเห็นเพียงคู่เดียวนั้น เป็นรอยเท้าของเราเอง เรากำลังอุ้มเจ้าอยู่"