ฟื้นฟูจิตใจ PMG เดือนมิถุนายน 2014
วันเสาร์ที่ 14 มิถุนายน 2014 เวลา 9.00 – 15.00 น. คุณพ่อวัชศิลป์ กฤษเจริญ นำการฟื้นฟูจิตใจเดือนมิถุนายน สำหรับสมาชิกPMG หัวข้อ “ มารู้จักพระเยซูเจ้าให้มากขึ้นกันดีกว่า ” ณ วัดน้อย บ้านคริสติน่า วัดพระแม่มหาการุณย์ ปากเกร็ด นนทบุรี โดยระหว่างเวลา 9.15 – 9.45 น. สวดทำวัตรเช้าร่วมกันในวัด เวลา 9.45 – 10.15 น. หลังจากนั้น เป็นการศึกษาและไตร่ตรองจากพระวรสารนักบุญลูกา 5: 1-11 และเอกสารฟื้นฟูจิตใจที่คุณพ่อเตรียมมาสำหรับการไตร่ตรอง โดยเชื่อมโยงความคิดของสมาชิกทุกคนไปที่การมาเป็นศิษย์ติดตามพระเยซูเจ้าของเปโตรและบรรดาสานุศิษย์ที่เป็นชาวประมง จนกระทั่งพระเยซูเจ้าทรงสั่งให้เป็น “ชาวประมงหามนุษย์” และเปโตรได้ตอบสนองโดยการละทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง และติดตามพระองค์ไป ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงการนบนอบต่อการเรียกของพระ เราคริสตชนทุกคนจึงควรที่จะรู้จักพระเยซูเจ้าให้มากขึ้น และมีประสบการณ์กับการชิดสนิทกับพระองค์ เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เราจะต้องนอบน้อมเชื่อฟัง และเปิดใจให้พระองค์มาเป็นนายและองค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของเรา ด้วยสิ่งนี้เท่านั้น เราจึงจะสามารถทำหน้าที่เป็นชาวประมงหามนุษย์ตามคำสั่งสอนของพระองค์ได้ ในการฟื้นฟูจิตใจครั้งนี้ มีสมาชิกPMG และผู้สนใจเข้าร่วมรวม 16 คน
มารู้จักพระเยซูเจ้าให้มากขึ้นกันดีกว่า (ลูกา 5:1-11) โดย คุณพ่อวัชศิลป์ กฤษเจริญ
พวกเราหลายคนเป็นคริสตชนกันมานานแล้ว บางคนเป็นตั้งแต่เกิด ลองถามตนเองดูซิว่าเรารู้จักพระเยซูคริสต์ได้อย่างลึกซึ้งแค่ไหน แล้วเราจะรู้จักและรับใช้พระองค์ให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้ได้อย่างไร วันนี้เราจะได้มีเวลาไตร่ตรองคำถามเหล่านี้ด้วยการศึกษาพระคัมภีร์ ลูกา 5: 1-11
ภูมิหลังของเรื่อง พระเยซูเจ้าได้พบกับเปโตรและสานุศิษย์ที่เป็นชาวประมงมานานหลายปีแล้ว เปโตรมีโอกาสมากมายในการรับฟังคำสอนของพระเยซูเจ้าและได้รู้ได้เห็นการทำงานของพระองค์อยู่ตลอดเวลา แต่อย่างไรก็ตามเปโตรคงมีจิตใจที่มุ่งมั่นต่อพระเยซูเจ้าไม่มากนัก
พระเยซูเจ้าทรงเรียกศิษย์สี่คนแรก 1วันหนึ่ง พระเยซูเจ้าทรงยืนอยู่บนฝั่งทะเลสาบเยนเนซาเรท ขณะที่ประชาชนเบียดเสียดรอบพระองค์เพื่อฟังพระวาจาของพระเจ้า 2พระองค์ทอดพระเนตรเห็นเรือสองลำจอดอยู่ริมฝั่ง ชาวประมงกำลังซักอวนอยู่นอกเรือ 3พระองค์จึงเสด็จลงเรือลำหนึ่งซึ่งเป็นของซีโมน ทรงขอให้เขาถอยเรือออกไปจากฝั่งเล็กน้อย แล้วประทับสั่งสอนประชาชนจากเรือนั้น 4เมื่อตรัสสอนเสร็จแล้ว พระองค์ตรัสแก่ซีโมนว่า “จงแล่นเรือออกไปที่ลึกและหย่อนอวนลงจับปลาเถิด” 5ซีโมนทูลตอบว่า “พระอาจารย์ พวกเราทำงานหนักมาทั้งคืนแล้ว จับปลาไม่ได้เลย แต่เมื่อพระองค์มีพระดำรัส ข้าพเจ้าก็จะลงอวน” 6เมื่อทำดังนี้แล้ว พวกเขาจับปลาได้จำนวนมากจนอวนเกือบขาด 7เขาจึงส่งสัญญาณเรียกเพื่อนในเรืออีกลำหนึ่งให้มาช่วย พวกนั้นก็มาและนำปลาใส่เรือเต็มทั้งสองลำ จนเรือเกือบจม 8เมื่อซีโมนเปโตรbเห็นดังนี้ จึงกราบลงที่พระชานุของพระเยซูเจ้า ทูลว่า “โปรดไปจากข้าพเจ้าเสียเถิด พระเจ้าข้า เพราะข้าพเจ้าเป็นคนบาป” 9เพราะเขาและคนอื่น ๆ ที่อยู่กับเขาต่างประหลาดใจมากที่จับปลาได้มากเช่นนั้น 0ยากอบและยอห์น บุตรของเศเบดี ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานกับซีโมนcก็ประหลาดใจเช่นเดียวกัน พระเยซูเจ้าจึงตรัสแก่ซีโมนว่า “อย่ากลัวเลย ตั้งแต่นี้ไป ท่านจะเป็นชาวประมงหามนุษย์” 11เมื่อพวกเขานำเรือกลับถึงฝั่ง แล้วละทิ้งทุกสิ่งติดตามพระองค์ |
- A. ชาวประมงที่ไม่มีเวลาว่าง (ข้อ 1-7)
- ท่านคิดอย่างไร
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากสนใจที่จะรู้จักพระเยซูเจ้า หรืออย่างน้อยได้มาเห็นพระองค์และในทางตรงกันข้าม ท่านคิดว่าเปโตรและเพื่อนๆคิดอย่างไรกับพระเยซูเจ้า
(เปโตรและเพื่อนๆแสดงอาการเฉยๆกับพระเยซูเจ้า พวกเขายังคงทำความสะอาดอวนที่พวกเขาใช้จับปลาในขณะที่ประชาชนอื่นๆพากันมารับฟังว่าพระองค์จะทำอะไรหรือพุดว่าอะไร เปโตรและเพื่อนๆอาจจะคิดว่า “ โอ้...ฉันได้ฟังเรื่องนี้มาเยอะแล้ว”)
แล้วท่านล่ะ ท่านคิดอย่างไรกับพระเยซูเจ้า และคำสั่งสอนของพระองค์
- ข้อสังเกตประการหนึ่งคือการที่พระเยซูเจ้าไม่ได้อยู่กับฝูงชน แต่กลับมาหาชาวประมง และที่สุดมายังคนๆหนึ่ง
ทำไมพระเยซูเจ้าทรงเลือกเรือของเปโตรเพื่อเป็นที่ยืนเทศน์สอนข่าวดี
( พระเยซูเจ้าทรงประสงค์ให้เปโตรรู้จักพระองค์มากยิ่งขึ้นและปรารถนาให้เปโตรมีประสบการณ์กับพระองค์ให้มากยิ่งขึ้น การให้เปโตรแล่นเรือออกไปยังที่ลึกนั้น พระเยซูเจ้าทรงประสงค์ให้เราแต่ละคนได้ออกไปด้วยเช่นกัน
- ให้เราพิจารณาคำร้องขอของพระเยซูให้เปโตรกระทำใน ข้อที่ 4
ท่านมีข้อสังเกตอะไรบ้างไหม พระเยซูทรงรู้ว่าปัญหาของชาวประมงคืออะไร เปโตรรู้สึกอย่างไรเมื่อพระเยซูเจ้าทรงร้องขอให้ทำสิ่งนั้น ทำไมเขาจึงยินยอมทำตาม พระเยซูเจ้ากำลังสอนเรื่องอะไรให้เปโตรโดยผ่านทางคำสั่งนั้น
(ช่างไม้จะรู้เรื่องกาจับปลาได้อย่างไร แต่เปโตรนอบน้อมเชื่อฟัง การนอบน้อมเชื่อฟังจึงเป็นกุญแจสำคัญสำหรับเราในการรู้จักพระเยซูเจ้าให้มากขึ้น และเข้ามาร่วมประสบการณ์กับชีวิตของพระองค์)
เปรียบเทียบคำขอร้องสองประการที่พระเยซูเจ้าทรงขอต่อเปโตร ข้อที่ 3-4 คำร้องขอไหนง่ายกว่ากัน ข้อไหนมีผลกระทบต่อเปโตร เปโตรจะนบนอบตามข้อสองโดยละเลยคำร้องขอในข้อแรกได้หรือไม่ ท่านได้บทเรียนเกี่ยวกับเรื่องการนบนอบเชื่อฟังอย่างไร
(ถ้าเปโตรไปนอบน้อมเชื่อฟังคำร้องขอประการแรก ข้อร้องขอประการที่สองคงไม่เกิดขึ้น ถ้าเป็นเช่นนั้นเปโตรคงไม่ได้รับพระเยซุเข้ามานำทางชีวิตของเขา เช่นเดียวกัน เราจำเป็นต้องรับเอาก้าวแรกคือนอบน้อมเชื่อฟังก่อนแล้วพระเจ้าจะสามารถเข้ามาทำงานในชีวิตของเราได้)
- B. ความแปลกประหลาดใจของคนบาป
- ผลของการนบนอบของเปโตรคืออะไร
- สิ่งที่เปโตรเกิดความสำนึกเมื่อได้เห็นอัศจรรย์คืออะไร
- ท่านคิดว่าการร้องขอของพระเยซูเจ้ามีเหตุผลหรือไม่ และพระองค์หวังผลอะไรในการทำเช่นนี้
( ในฐานะชาวประมง เปโตร ดีใจที่จับปลาได้มากมาย แต่เขารู้ว่าประสบการณ์นี้มีอะไรมากกว่าการได้ปลาแน่นอน เปโตรรู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นบุคคลที่ยิ่งใหญ่และทรงอำนาจมากกว่าที่เขาคิด ดังนั้น ทันทีที่เขาได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้สึกว่าตนเองเป็นคนบาป และเป็นคนที่ไม่มีคุณค่าอะไรเลยเมื่ออยู่ต่อหน้าพระองค์)
ให้สังเกตว่าเปโตรได้เปลี่ยนการเรียกชื่อพระเยซูเจ้าในข้อที่ 5 กับข้อที่ 8
ไตร่ตรอง: ท่านเคยรู้สึกบ้างไหมว่า ในชีวิตของท่านมีหลายสิ่งหลายอย่างที่พระเจ้าทรงเรียกท่านให้กระทำบางสิ่งบางอย่างโดยท่านรู้สึกว่าไม่มีเหตุผลในสายตาของโลกเลย
- C.ชาวประมงหามนุษย์(ข้อ 10-11 )
- พระเยซูเจ้าทรงให้พวกเขาเป็น “ ชาวประมงจับมนุษย์ ” คำว่าชาวประมงหามนุษย์หมายความว่าอย่างไร
- เปโตรตอบรับพระเยซูเจ้าอย่างไรหลังจากที่รู้ว่าพระเยซูเจ้าทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและอาจารย์ในชีวิตของเขาประยุกต์กับชีวิต
ท่านแต่ละคนรู้จักพระเยซูเจ้าในฐานะอะไร ครู พระผู้ไถ่ เพื่อน เจ้านาย หรือองค์พระผู้เป็นเจ้า การรู้จักพระเยซูเจ้าเช่นนั้นมีผลต่อการตอบสนองต่อการเรียกและคำสั่งของพระองค์อย่างไร
ชีวิตและคำสอนของพระเยซูเจ้าใดที่ทำให้มีความไว้วางใจในพระองค์มากกว่าสิ่งใด
อะไรเป็นอุปสรรคต่อความเชื่อความศรัทธาและการอุทิศตนเพื่อพระเจ้าของท่าน ท่านจะเอาชนะอุปสรรคนี้ได้อย่างไร
การนอบน้อมเชื่อฟังมีความสำคัญอย่างไรต่อการรู้จักพระเจ้าให้ลึกซึ้งกว่านี้
ท่านได้นอบน้อมเชื่อฟังคำสั่งสอนของพระองค์อย่างไร
พระเยซูคริสต์(อย่างที่เราได้เรียนรู้จากพระคัมภีร์)ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ทั้งร่างกายและจิตใจ จากการเรียนรู้นี้ ท่านคิดว่าท่าทีของเราต่อความทุกข์ยากลำบากในชีวิตประจำวันควรเป็นเช่นไร
- การดำเนินชีวิตติดตามพระเยซูคริสตเจ้า
การดำเนินชีวิตติดตามพระเยซูคริสตเจ้านั้นทำให้เราต้องละทิ้ง “ ชีวิตเก่า” ไว้เบื้องหลัง และจะต้อง
ปรับเปลี่ยนแนวทางในการดำเนินชีวิต (Lifestyle) สิ่งที่เปโตรได้เปลี่ยนแปลงคือละทิ้งอวน แล้วตัวของท่านล่ะ จากการที่ท่านได้รู้จักและมีความผูกพันกับพระเยซูเจ้ามาเป็นเวลานาน ท่านได้ตั้งเป้าหมายของชีวิตใหม่หรือว่ายังคงรักษาเป้าหมายเดิมไว้ ท่านยังคง “ จับปลา”(ดำเนินชีวิตแบเดิมๆ) หรือว่ามาเป็น “ชาวประมงหามนุษย์” เพื่อพระอาณาจักรของพระเจ้า
พระเยซูเจ้าได้ทรงสั่งให้เป็น “ชาวประมงหามนุษย์” และเปโตรได้ตอบสนองโดยการละทิ้งทุกสิ่งไว้เบื้องหลัง และติดตามพระองค์ไป เรื่องนี้ประยุกต์ใช้ได้กับคริสตชนทุกคนหรือไม่
(แม้ว่าเราทุกคนไม่ได้รับการเรียกให้มาเป็นสงฆ์หรือนักบวช แต่เราทุกคนต่างได้รับการเรียกจากพระเจ้าให้มาเป็น“ชาวประมงหามนุษย์” เราอาจจะเป็นครู เราก็เป็น “ชาวประมงหามนุษย์” เป็นนักธุรกิจ เราก็เป็น “ชาวประมงหามนุษย์” เป็นแม่บ้าน เราก็เป็น “ชาวประมงหามนุษย์” การแสวงหามนุษย์หรือการประกาศข่าวดีนั้น ไม่ได้เป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ นักบวชเท่านั้น หลายคนคิดว่าพระสงฆ์ นักบวชต้องดำเนินชีวิตเพื่อพระเจ้า 100 % ในขณะที่ฆราวาสดำเนินชีวิตเพื่อพระเจ้าเพียงบางส่วนเท่านั้น การที่จะต้องละทิ้งสิ่งอื่นๆไว้เบื้องหลัง เริ่มจากการละทิ้งทัศนคติเก่าๆหรือทัศนคติที่ผิดๆ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อครอบครองสิ่งของของโลก)
สรุป: เราควรที่จะรู้จักพระเยซูเจ้าให้มากขึ้น และมีประสบการณ์กับการชิดสนิทกับพระองค์ เพื่อให้สิ่งนี้เกิดขึ้น เราจะต้องนอบน้อมเชื่อฟัง และเปิดใจให้พระองค์มาเป็นนายและองค์พระผู้เป็นเจ้าในชีวิตของเรา ด้วยสิ่งนี้เท่านั้น เราจึงจะสามารถทำหน้าที่เป็นชาวประมงหามนุษย์ตามคำสั่งสอนของพระองค์ |
ประมวลภาพ
{gallery}net/14JUNE14{/gallery}