Get Adobe Flash player

ผู้ช่วยพระสังฆราชฝ่ายงานฯ

 imageedit 1 6373507384

บาทหลวงปิยะชาติ   มะกรครรภ์

ผู้ช่วยพระสังฆราชฝ่ายงานธรรมทูต

อัครสังฆมณฑลกรุงเทพฯ

Facebook


banner face holych Custombanner_face_pmg_Custom.pngPresentation2 Custom

งานอื่นๆของฝ่าย

Slide6 CustomSlide5 Custom

เวลา

15 สิงหาคม พระนางพรหมจารีมารีอา ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์
(พระศาสนจักรประเทศไทย เลื่อนการสมโภชมาเป็นวันอาทิตย์ที่ 18 สิงหาคม 2561)

     ในปี 1950 พระสันตะปาปาปีโอที่ 12 ได้ทรงประกาศว่า “พระนางพรหมจารีมารีอาได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ” เป็นข้อความเชื่อ
     ที่จริงเราไม่รู้ว่าพระนางมารีอาทรงสิ้นใจอย่างไรและเมื่อไร แต่ได้มีวันฉลองนี้เกิดขึ้นแล้วโดยใช้ชื่อเรียกว่า “ฉลองการบรรทม” (dormitio) ของพระนาง ซึ่งเป็นการฉลองที่สอดคล้องกับการฉลองของนักบุญทั้งหลายโดยทั่วไปอันอาจจะเป็นการฉลองการบังเกิดหรือการสิ้นใจก็ตาม การ “ฉลองการบรรทม” ของพระนางพรหมจารีนี้ถือว่าเป็นการฉลองที่สำคัญวันหนึ่ง
     วันฉลอง “พระนางพรหมจารีมารีอาได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ” เป็นวันที่ 15 สิงหาคม นี้ เป็นไปได้ที่อาจจะเป็นการระลึกถึงการเสกวิหารถวายแด่พระนางที่กรุงเยรูซาเล็ม

     พระศาสนจักรในวันนี้ฉลองธรรมล้ำลึกแห่งปัสกาที่ได้สำเร็จ บริบูรณ์ในพระนางมารีอา เนื่องจากพระนางมารีอาทรงเป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน ไม่มีแม้แต่เงาของบาป พระบิดาเจ้าจึงทรงมีพระประสงค์ให้พระนางได้มีส่วนในการกลับคืนพระชนมชีพของพระคริสตเจ้าด้วย
ก. การที่พระนางมารีอาได้ทรงรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ ได้ทำให้พระนางได้อยู่ใกล้ชิดเรายิ่งขึ้น
บทอ่านทั้งสามบทของมิสซาในวันนี้ แสดงให้เราเห็นอย่างชัดเจนถึงค่านิยมหรือคุณค่าของการเสด็จขึ้นสวรรค์ของพระนางมารีอา ตำแหน่งของพระนางในแผนการณ์ของการช่วยให้รอดพ้นหรือการไถ่กู้และสารที่พระนางต้องการมอบให้มนุษยชาติ
     1) จากบทอ่านที่ 1 พระนางมารีอาทรงเป็น “หีบแห่งพันธสัญญา” ที่แท้จริง ทรงเป็น “สตรีผู้ที่สวมอาภรณ์แห่งดวงอาทิตย์” อันเป็นรูปแบบของพระศาสนจักรเหมือนๆกับหีบแห่งพันธสัญญาที่โมเสสได้สร้างขึ้นและประดิษฐานไว้ในพระวิหาร สำหรับเป็นสัญลักษณ์และอุปกรณ์แห่งพันธสัญญาของพระผู้เป็นเจ้ากับบรรดาประชากรผู้ได้รับเลือกสรรของพระองค์ เช่นเดียวกันพระนางมารีอาได้ทรงรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณก็เพื่อจะเป็น “สัญลักษณ์” แห่งพันธสัญญาใหม่ หีบแห่งพันธสัญญานั้นบรรจุไว้ซึ่งธรรมบัญญัติ และจากหีบห่อแห่งพันธสัญญานี่เองที่พระเป็นเจ้าทรงสนองตอบคำทูลขอต่างๆของประชากรของพระองค์ พระนางมารีอาได้ทรงมอบพระเยซูเจ้าให้แก่พวกเรา พระองค์ทรงเป็นผู้ประกาศธรรมบัญญัติแห่งความรัก ผู้ได้ทำให้พันธสัญญาใหม่ของการช่วยให้รอดพ้นได้สำเร็จเป็นไปในพระองค์ ที่องค์พระบิดาเจ้าตรัสกับเราและทรงสดับฟังเรา
พระนางมารีอาทรงเป็นรูปแบบของพระศาสนจักร พระนางทรงเป็นพระมารดาของพระคริสตเจ้า และของเรามนุษย์ทุกๆคน ซึ่งพระนางได้ให้กำเนิดมา ถวายแด่พระผู้เป็นเจ้าในความเจ็บปวดทรมานใต้เชิงกางเขนของพระบุตร ยิ่งกว่านั้นพระนางมารีอายังทรงเป็นการประกาศล่วงหน้าถึงการช่วยให้รอดพ้นที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งจะสำเร็จไปในพระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า
     2) การช่วยให้รอดพ้นที่สมบูรณ์แบบนี้ จะสำเร็จไปโดยอาศัยพระภารกิจหรือผลงานของพระคริสตเจ้าผู้ได้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ (จากบทอ่านที่ 2) เพราะพระองค์ทรงเป็นรูปแบบและผู้ที่ทรงทำให้การกลับคืนพระชนมชีพอันรุ่งโรจน์ขั้นสุดท้ายได้สำเร็จไป การกลับคืนพระชนมชีพอันรุ่งโรจน์ขั้นสุดท้ายนี้ พระนางมารีอาได้รับก่อนใครอื่นหมด เพราะว่าพระนางทรงเป็นพระมารดาของพระเป็นเจ้า การปฏิสนธิอันนิรมลคือ การประกาศเอาไว้ก่อนถึงเป้าหมายของการไถ่กู้อันเป็นการนำมนุษย์ไปสู่ความบริสุทธิ์นิรมล ส่วนการได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณนั้น เป็นการประกาศแจ้งให้ทราบล่วงหน้าถึงชัยชนะขั้นสุดท้ายของการไถ่กู้ นั่นคือ การได้รับเกียรติรุ่งโรจน์ของมนุษยชาติในพระคริสตเจ้า
ในวันนี้พระนางมารีอาทรงเรียกร้องให้เราคริสตชนได้มีอารมณ์และความรู้สึกเช่นเดียวกับพระนาง ที่จะพยายามทำตัวให้อยู่ในประวัติศาสตร์ของการช่วยให้รอดพ้น ที่ได้รับหมายกำหนดให้ทำตัวเราให้สอดคล้องกับพระคริสตเจ้าในพระสิริรุ่งโรจน์ และในความสุขที่ไม่มีวันสิ้นสุด เพื่อเราจะได้พบกันอย่างพร้อมหน้าในเคหะของพระบิดาเจ้า โดยนัยนี้ สภาสังคายนาวาติกันที่ 2 จึงกล่าวว่า การได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของพระนางมารีอานี้ เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แห่งความหวังที่แน่นอน และให้กำลังใจแก่เราทุกคนด้วย (LG 68)
     3) จากพระวรสาร... พระนางมารีอาได้ประทานสารของพระนางในบท “Magnificat” ให้แก่เรามนุษย์ทุกคน พระนางได้ทรงประกาศว่า พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงพลิกสถานการณ์ที่ไม่ถูกต้องของมนุษยชาติ 3 อย่างด้วยกัน เพื่อที่จะปฏิสังขรณ์ชาติมนุษย์เสียใหม่ในการช่วยให้รอดพ้น อันเป็นพระภารกิจของพระคริสตเจ้า
3.1) ในทางด้านศาสนา พระองค์ได้ทรงกระทำให้เห็นว่า การที่มนุษย์คิดว่าตัวเองไม่ต้องฟังใครเลยเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง โดยพระองค์ได้ทรงบันดาลให้โครงการต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความจองหองถือดีของพวกเขาเหล่านั้น ต้องมีอันเป็นไป เพราะคนเหล่านี้ได้ทำการขัดสู้กับพระผู้เป็นเจ้าและได้ทำการกดขี่ข่มเหงมนุษย์ด้วยกัน
3.2) ในด้านการเมือง พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงบันดาลให้ทรรศนะคติทั่วๆไปในทางการเมืองได้กลับตาลปัตรเสียคือ พระองค์ได้ทรงลดเกียรติบรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลาย โดยถอดพวกเขาออกจากบัลลังก์แห่งอำนาจและได้ทรงยกย่องและให้เกียรติผู้ที่มีใจสุภาพแทน พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้พวกเขาเป็นนายเหนือคนอื่นๆ แต่ต้องการให้พวกเขาได้รับใช้ เพื่อที่จะส่งเสริมคุณงามความดีและการอยู่ดีกินดีของทุกๆคนและของสังคม โดยไม่มีการแบ่งชั้นวรรณะหรือเลือกเฉพาะบุคคล
3.3) ในด้านสังคม พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงหักหาญและทำลายชนชั้นที่คิดว่าจะแตะต้องไม่ได้ เพราะตัวเองมีเงินทอง มีอำนาจวาสนา แต่พระองค์ได้ทรงบันดาลให้ผู้ที่ขัดสนได้บริบูรณ์พรั่งพร้อมด้วยสมบัติพัสถาน และบันดาลให้เศรษฐีต้องกลับไปมือเปล่า เพื่อจะปฏิรูปรื้อฟื้นความรักฉันพี่น้องที่แท้จริงในสังคมและในระหว่างมนุษย์ทุกคน เพราะว่าเราทุกคนคือบุตรของพระเป็นเจ้า
ดังนั้น การได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณของพระนางมารีอา เตือนให้เราคิดถึงประวัติศาสตร์แห่งความรอดจากมุมหนึ่งไปสู่อีกมุมหนึ่ง ประวัติศาสตร์อันนี้เองที่ในวันนี้ได้สำเร็จเป็นไปเพื่อเราทุกคน ดังนั้นให้เราวิงวอนพระนางมารีอาพระมารดาของเรา ให้ช่วยนำเราไปสู่ความสำเร็จบริบูรณ์ขั้นสุดท้ายด้วย
ข.พระนางมารีอารูปแบบของพระศาสนจักร
     พระนางมารีอาผู้ได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณทรงเป็นสิ่งสร้างเหมือนเรามนุษย์ทุกคน ทว่าบัดนี้พระนางได้บรรลุถึงความสำเร็จบริบูรณ์ของการช่วยให้รอดพ้นแล้ว ในขั้นที่พระวรกายของพระนางได้รับการเปลี่ยนแปลงให้สง่ารุ่งเรืองสุกใสด้วย พระนางมารีอาทรงเป็นสตรีผู้นั้น ผู้สวมอาภรณ์แห่งดวงอาทิตย์ และมีดวงดาว 12 ดวงเป็นมงกุฎ พระนางทรงเป็นมารดาที่ทรงคอยเราและเอาใจใส่เป็นกังวลถึงเรา เพื่อให้เราเดินไปสู่พระอาณาจักรของพระเป็นเจ้า
     พระมารดาของพระคริสตเจ้าทรงเป็นรูปแบบของพระศาสนจักร พระนางทรงเป็นเครื่องค้ำประกันที่สว่างสุกใส เพราะโชคชะตาของการช่วยให้รอดของพระนางได้รับการยืนยันและได้รับการประกันไว้แล้ว และเช่นเดียวกับพระนาง พระจิตของพระผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพจะทรงบันดาลให้พระภารกิจคือการช่วยให้รอดพ้นของพระองค์ได้สำเร็จบริบูรณ์ไปในตัวเราทุกคน และเราสามารถกล่าวได้ว่า พระนางมารีอาได้เป็นแล้ว ในสิ่งที่เราทุกคนกำลังจะเป็น
     หลายๆคนอาจจะรู้สึกเบื่อ หรือรำคาญเมื่อได้ยินพูดถึง “ความรอดของวิญญาณ”เพราะดูเหมือนว่า ชีวิตแห่งแสงสี กลิ่น รส เครื่องแต่งกาย ต่างๆ ซึ่งเป็นที่ดึงดูดใจพวกเขาจะต้องสูญหายไป และดูเหมือนว่าร่างกายจะไม่มีประโยชน์อะไรอีกต่อไป พวกเขาคิดถูกเพราะมันไม่ได้เป็นดังที่ว่านั้น พระนางมารีอาได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณเป็นหลักประกันว่ามนุษย์ทั้งครบจะได้รับการช่วยให้รอดพ้นในขั้นสมบูรณ์ที่สุด คือร่างกายจะกลับคืนชีพด้วย
     สำหรับคริสตชน การช่วยให้รอดพ้นคือการกลับคืนชีพของร่างกาย คือเขาจะพบโลกใหม่และแผ่นดินใหม่
     อาหารขั้นพื้นฐานของมนุษย์พบได้ในศีลมหาสนิท ปังแห่งความไม่รู้ตายอันเป็นผลผลิตของแผ่นดิน ของต้นองุ่นและเป็นผลงานของมนุษย์ และเป็นศีลมหาสนิทนี่เองที่เป็นหลักประกันประจำวันว่า การช่วยให้รอดพ้นได้มาถึงมนุษย์ทุกคนในสภาพที่แท้จริงของตน เพื่อช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากความตาย อันเป็นศัตรูตัวร้ายของความเจริญก้าวหน้าของมนุษย์
(ที่มา : ย.วีรศักดิ์ วนาโรจน์สุวิช, ประวัตินักบุญตลอดปี, สมุทรปราการ, บ.สตาร์บูม อินเตอร์พริ้นท์ จำกัด, 2007, หน้า 317 - 321)