วันที่ 26 สิงหาคม แผนกศาสนสัมพันธ์และคริสตศาสนจักรสัมพันธ์ ส่งเจ้าหน้าที่ แผนกฯไปร่วมรับความรู้ ในการเสวนาวิชาการ หัวข้อขุมทรัพย์ 350 ปี ท่านลาโน นักโทษนักบุญ โดยวิทยากร ผู้ทรงคุณวุฒิ คือศาสตราจารย์ ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์ นักประวัติศาสตร์ไทย ซิสเตอร์ซีมอนา สมศรี บุญอรุณรักษา คณะคาเมลไลท์ ฝรั่งเศส ผู้เขียนหนังสือ "พระสังฆราชหลุยส์ ลาโน ผู้ตื่นรู้ในธรรม...นักโทษ..นักบุญ?"
อาจารย์แม่ชีวิมุตติยา (รศ.ดร.สุภาพรรณ ณ บางช้าง) หัวข้อ "บาลีในคัมภีร์ไบเบิ้ล"และบราเดอร์ ดร.เบอร์นาร์ด เวียธ หัวข้อ "เอกสาร ข้อมูล บันทึกชีวิตธรรมทูต"ณ บ้านผู้หว่าน สามพราน
-วันที่29 สิงหาคม แผนกศาสนสัมพันธ์และคริสตศาสนจักรสัมพันธ์ ส่งเจ้าหน้าที่แผนกฯไปร่วมเรียนรู้ เรื่องสยามและพุทธศาสนาในผลงาน
วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม เจ้าหน้าที่แผนกฯ ร่วมประชุมคณะกรรมการเอกภาพคริสตสัมพันธ์ ซึ่งปีนี้ผู้แทนจากสภาคริสตจักรเป็นประธานดำเนินการประชุมโดยมีคุณพ่อเสนอ ดำเนินสะดวก เลขาธิการ คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อศาสนสัมพันธ์และคริสตศาสนจักรสัมพันธ์ร่วมประชุมด้วย เพื่อเตรียมดำเนินการจัดงานภาวนาเอกภาพคริสตศาสนจักรสัมพันธ์ฯ ปี ค.ศ. 2020 ที่ประชุมร่วมพิจารณา หัวข้อ เนื้อหา และโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์ มีผู้เข้าประชุมรวม 18 คน จากองค์กรคริสต์ศาสนาทั้ง 5 สังกัด
ก่อนหน้า ค.ศ.1566 พระสันตะปาปาทรงฉลองพระองค์สีแดงมาตลอดเป็นเวลาหลายร้อยปี ภายหลังจึงเปลี่ยนมาเป็นสีขาว เพราะเหตุใด เรื่องนี้ บาทหลวง อลัน เอฟ เดทเชอร์ (Alan F Detscher) เลขาพิธีกรรมได้อธิบายว่า
“นักบวชที่ได้รับการสถาปนาให้เป็นพระสังฆราชจะใส่ชุดสีเดียวกันกับชุดของคณะนักบวชที่ตนสังกัด สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 5 (Pius V 1566 – 1572) ซึ่งอยู่ในคณะโดมินิกัน ก็ทรงปฏิบัติเช่นเดียวกัน คือทรงฉลองพระองค์สีขาว เหมือนนักบวชโดมินิกันคนอื่นๆ แม้จะได้ครองตำแหน่งพระสันตะปาปาแล้วก็ตาม หลังจากนั้นพระสันตะปาปาองค์ต่อๆมา ก็ทรงฉลองพระองค์สีขาวตามอย่างสมเด็จพระสันตะปาปาปีอุสที่ 5”
form : www.popereport.com
อย่าปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในภาพฝันว่า แม่พระอ่อนหวานและเมตตายิ่งกว่าพระเจ้า
ช่วงค่ำวันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม 2017 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส ทรงเป็นประธานการสวดสายประคำหน้ารูปแม่พระแห่งฟาติมา โอกาสเตรียมสมโภชแม่พระประจักษ์ที่ฟาติมาครบ 100 ปี พิธีนี้จัดที่สักการสถานแม่พระแห่งฟาติมา ประเทศโปรตุเกส ท่ามกลางสัตบุรุษที่มาร่วมภาวนากว่า 500,000 คน โอกาสนี้พระสันตะปาปาตรัสสอนว่า
“มีคำพูดว่า ‘เดินจาริกไปกับแม่พระ...แต่แม่พระองค์ไหนล่ะ’ แม่พระผู้ทรงเป็นอาจารย์ชีวิตฝ่ายจิตและเป็นบุคคลแรกที่ติดตามพระเยซูเจ้าบนทางแคบๆ แห่งไม้กางเขน เป็นแบบอย่างการดำเนินชีวิตแก่เรา หรือเป็นแม่พระที่เราเข้าถึงไม่ได้ และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะดำเนินชีวิตเลียนแบบท่าน แม่พระผู้ได้รับพระพรเพราะเชื่อในพระวาจาของพระเจ้าและทุกสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำ หรือแม่พระที่เป็นแค่รูปพลาสติก ซึ่งเราวอนขอสิ่งที่เราอยากได้ แม่พระแห่งพระวรสารซึ่งได้รับการถวายเกียรติจากพระศาสนจักรในคำภาวนาหรือแม่พระที่เราทำขึ้นมาเอง แม่พระผู้อ่อนหวานกว่าพระเยซูเจ้า แม่พระผู้เมตตายิ่งกว่าลูกแกะของพระเจ้า ซึ่งถูกฆ่าตายเพื่อเรา แน่นอนว่าเราไม่ควรปล่อยให้ตัวเองตกอยู่ในภาพฝันที่นำเสนอแม่พระว่าอ่อนหวานและเมตตายิ่งกว่าพระเจ้า พระบิดา และพระคริสตเจ้า
(ที่มา : ราฟาแอล, 2018 ชีวิตคู่แฝด, 2562 หน้า 702 – 704)
ช่วงต้นการเดินทางโดยรถไฟในสหรัฐอเมริกา จะมีเจ้าหน้าที่ที่คอยดูแลความปลอดภัย ณ สี่แยกที่ถนนและเส้นทางรถไฟตัดกัน โดยเจ้าหน้าที่ประจำสี่แยกจะยืน ณ สี่แยกกลางถนน ให้สัญญาณที่เป็นตะเกียงจุดไฟให้รถยนต์รู้ว่า ขบวนรถไฟกำลังวิ่งผ่านสี่แยกนี้ หน้าที่นี้สำคัญมาก โดยเฉพาะในเวลากลางคืน เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีไฟเขียวไฟแดงเป็นสัญญาณเพราะยังไม่มีไฟฟ้าใช้
แต่คืนหนึ่ง เกิดเหตุร้าย อุบัติเหตุได้เกิดขึ้น โดยรถบัสที่มีผู้โดยสารเต็มคัน วิ่งชนขบวนรถไฟ แม้ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หลายคนพิการตลอดชีวิต
อีกสองสามวันต่อมา คณะกรรมการสอบสวนก็เรียกผู้เกี่ยวข้องมาซักถาม ประธานเรียกเจ้าหน้าที่ประจำสี่แยกในค่ำคืนนั้น ที่ชื่อ Ben มาซักถามดังนี้
• Ben คุณอยู่ในหน้าที่ประจำสี่แยกในคืนวันเกิดอุบัติเหตุใช่ไหม?
• “ใช่ครับ” Ben ตอบ