ยอห์น เป็นบุตรของท่านสมณะเศคาริยาห์ และนางเอลีซาเบธ
เทวดากาเบรียลได้ประจักษ์มาหาท่านเศคาลียาห์ขณะอยู่ในพระวิหารและแจ้งให้ทราบล่วงหน้าถึงการเกิดของยอห์น (ลก. 1 : 1-25)
เมื่อยอห์นเติบโตขึ้นก็ได้ไปจำศีลภาวนาอยู่ในทะเลทราย ไม่ดื่มสุราเมรัย รับประทานตั๊กแตนและนํ้าผึ้งเท่านั้นเป็นอาหาร จาริกสั่งสอนประชาชนทั่วไปที่แม่นํ้าจอร์แดน (มก. 1 : 4-8)
ยอห์นประกาศว่า " ท่านทั้งหลาย จงใช้โทษบาปและกลับใจเถิด เหตุว่า พระราชัยสวรรค์ใกล้เข้ามาแล้ว ข้าพเจ้าเป็นเสียงร้องในที่เปลี่ยว จงเตรียมทางให้ตรงเพื่อรับเสด็จพระคริสตเจ้า" ประชาชนจำนวนมากได้รับศีลนํ้าชำระบาปจากยอห์น (มธ. 3 : 1-6)
เรื่องเล่ามีอยู่ว่า ในตรอกซอยแห่งหนึ่งที่มีแต่ความมืดและคับแคบ ไม่มีแสงไฟส่องทาง แต่ก็ยังมีคนใช้สัญจรอยู่เป็นประจำ เพราะเป็นทางลัดที่ช่วยประหยัดเวลาในการเดินทาง และในคืนหนึ่งมีพระรูปหนึ่งเดินผ่านเข้ามาในซอยเพื่อมุ่งหน้าไปยังอาราม ซึ่งในซอยที่มืดมากเช่นนี้ แม้กระทั่งนิ้วมือทั้งห้า ยังไม่อาจมองเห็นได้ เมื่อเดินไปเรื่อยๆ พระรูปนี้จึงเดินไปชนผู้อื่น และถูกผู้อื่นเดินมาชนไม่หยุดหย่อน สร้างความลำบากยิ่งนัก
ในเวลานั้นเอง มีชายผู้หนึ่งถือโคมไฟ เดินเข้ามายังในซอย ทำให้ในซอยนั้นเกิดแสงสว่างขึ้นพอสมควร พระรูปนั้นได้ยินคนเดินผ่านทางพูดขึ้นมาว่า "คนตาบอดผู้นั้นช่างแปลกนัก ตนเองมองไม่เห็นแท้ๆ ใยต้องถือโคมไฟให้วุ่นวาย"
เมื่อพระรูปนั้นได้ยินก็รู้สึกแปลกใจ รอจนกระทั่งคนตาบอดคนนั้นถือโคมไฟเดินผ่านมา จึงเอ่ยถามขึ้นว่า
"ขออภัย ท่านตาบอดจริงๆ หรือ"
ชายผู้นั้นตอบว่า "ถูกแล้ว ข้าเกิดมาก็พิการตาสองข้างมองไม่เห็น สำหรับข้านั้นไม่ว่าจะยามเช้า สาย บ่าย เย็น ล้วนไม่ต่างกัน ทั้งยังไม่ทราบว่าแสงสว่างหน้าตาเป็นเช่นไร"
พระวาจาอันแสนไพเราะของพระเยซูเจ้านั้น ได้สัมผัสถึงเราทุกคน เราต่างก็ต้องทำงานภายใต้ภาระหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป และพระเยซูเจ้าก็ได้ยื่นข้อเสนอให้เราได้พักผ่อนกับพระองค์ เพียงแค่เรานั้นกลับใจ และเชื่อในพระองค์ แอกหรือภาระนั้นมีหลายประการด้วยกัน เช่น ความกังวลกับชีวิตที่แสนวุ่นวายในแต่ละวัน ความทุกข์ทรมานของผู้ที่เรารักและรักเรา หรือความยากลำบากในการที่จะใช้ชีวิตอย่างศักดิ์สิทธิ์ภายในโลกที่เต็มไปด้วยการผจญล่อลวงมากมาย เป็นต้น เราทุกคนพบว่าชีวิตของเราทำงานอย่างหนักในหลายๆช่วงเวลา แต่ในพระเยซูเจ้า เราจะพบกับผู้ปลอบโยนและผู้ช่วยเหลือที่เปี่ยมด้วยความรักและความเมตตา เราไม่จำเป็นที่จะต้องผ่านการคัดกรองหรือการคัดเลือกใด ๆ ในการเข้าหาพระเยซู พระองค์ทรงเรียกเราทุกคน ซึ่งกำลังแบกภาระหนัก ให้ไปหาพระองค์ และพระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งเรา เราสามารถเข้าไปหาพระเยซูเจ้าได้ด้วยตัวตนที่เราเป็นอยู่ หรือในทุกสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญ และวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ หนทางแห่งความรอดนั้นคือ การได้เข้ามาหาพระองค์
ถ้าจะมีประเด็นใดที่น่าเสียดายเกี่ยวกับพันธสัญญาใหม่ ประเด็นนั้น ก็คือ ไม่มีผู้นิพนธ์พระวรสารคนใดเป็นสตรี ทำให้เราขาดความเข้าใจในเรื่องของพระเยซูคริสตเจ้าจากมุมมองของสตรี ลูกาเป็นผู้นิพนธ์คนเดียวที่บอกเล่าเรื่องราวในลักษณะที่ใกล้เคียงความรู้สึกของสตรีมากที่สุด เขาเล่าถึงบทบาทของสตรีหลายคนที่ช่วยเหลืองานเทศน์สอนของพระเยซูเจ้า
บางครั้ง ลูกาบอกเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งโดยจับคู่กับเรื่องราวคล้ายกันของหญิงคนหนึ่ง และมักแสดงให้เห็นว่าหญิงนั้นเปิดใจยอมรับความเชื่อมากกว่าชาย เช่น เศคาริยาห์ และพระนางมารีย์ทั้งสองคนได้รับแจ้งสารจากทูตสวรรค์เหมือนกัน แต่เศคาริยาห์คลางแคลงใจ ตรงกันข้ามกับความเชื่อ และความนบนอบของพระนางมารีย์ เหตุการณ์สำคัญหลายครั้งในพระวรสารของลูกาเกิดขึ้นที่โต๊ะอาหาร
ในเรื่องหญิงคนบาป (ลูกา 7:36-50) เราได้พบชายที่เป็นเจ้าของบ้าน เขาเป็นชาวฟาริสี เป็นคนที่ห่วงเรื่องการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง และมักเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากการเปื้อนมลทิน ... หรืออันตรายจากโอกาสบาป
สมณกระทรวงเพื่อการประกาศข่าวดีสู่ปวงชน ได้แต่งตั้ง คุณพ่อเปาโลไตรรงค์ มุลตรี พระสงฆ์แห่งสังฆมณฑลราชบุรีและสมาชิกสังกัดใน คณะธรรมทูตไทย (TMS) ให้ดํารงตําแหน่งเป็นผู้อํานวยการ สมณองค์กรเพื่อการสนับสนุนงานแพร่ธรรมในประเทศไทย (National Director of the Pontifical Missionary Society - PMS) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 – 2025 ขอแสดงความยินดีกับคุณพ่อโอกาสนี้ด้วย