/home/missionbkk/public_html/templates/30aug182/component.php on line 5
"> หญิงผู้กลับใจ... ผู้รักอย่างฟุ่มเฟือย

31.1 slide 1

      ถ้าจะมีประเด็นใดที่น่าเสียดายเกี่ยวกับพันธสัญญาใหม่ ประเด็นนั้น ก็คือ ไม่มีผู้นิพนธ์พระวรสารคนใดเป็นสตรี ทำให้เราขาดความเข้าใจในเรื่องของพระเยซูคริสตเจ้าจากมุมมองของสตรี ลูกาเป็นผู้นิพนธ์คนเดียวที่บอกเล่าเรื่องราวในลักษณะที่ใกล้เคียงความรู้สึกของสตรีมากที่สุด เขาเล่าถึงบทบาทของสตรีหลายคนที่ช่วยเหลืองานเทศน์สอนของพระเยซูเจ้า

      บางครั้ง ลูกาบอกเล่าเรื่องของชายคนหนึ่งโดยจับคู่กับเรื่องราวคล้ายกันของหญิงคนหนึ่ง และมักแสดงให้เห็นว่าหญิงนั้นเปิดใจยอมรับความเชื่อมากกว่าชาย เช่น เศคาริยาห์ และพระนางมารีย์ทั้งสองคนได้รับแจ้งสารจากทูตสวรรค์เหมือนกัน แต่เศคาริยาห์คลางแคลงใจ ตรงกันข้ามกับความเชื่อ และความนบนอบของพระนางมารีย์ เหตุการณ์สำคัญหลายครั้งในพระวรสารของลูกาเกิดขึ้นที่โต๊ะอาหาร

      ในเรื่องหญิงคนบาป (ลูกา 7:36-50) เราได้พบชายที่เป็นเจ้าของบ้าน เขาเป็นชาวฟาริสี เป็นคนที่ห่วงเรื่องการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้อง และมักเตือนประชาชนให้ระวังอันตรายจากการเปื้อนมลทิน ... หรืออันตรายจากโอกาสบาป

      อาจกล่าวได้ว่าเขาเป็นตัวแทนอำนาจในโลกของผู้ชาย เขามีความคิดริเริ่ม มีความสามารถจัดการและมีเงินทองมากพอจะเชิญแขกมาร่วมกินเลี้ยงได้ถือเป็นธรรมเนียมที่จะเชิญแขกพิเศษบางคนมาแบ่งปันความรู้ของเขาให้แก่ผู้ร่วมโต๊ะ ชายคนนี้ชื่อ ซีโมน น่าสนใจที่พระวรสารบอกชื่อของเขา แต่ไม่บอกชื่อของหญิงในเรื่องนี้ ซีโมนมีอิทธิพลมากพอจะเชิญพระเยซูมาเป็นแขกพิเศษของเขาได้ ซีโมนเป็นคนเคร่งศาสนาที่มีอำนาจและอิทธิพล แต่เรื่องนี้จะเปิดเผยให้เห็นจุดอ่อนของเขาในภายหลัง

      หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามา นางเป็นหนึ่งในบุคคลนิรนามผู้ต่ำต้อยของลูกา ซึ่งพระเจ้าทรงรักมาก ที่แย่ยิ่งกว่าการเป็นบุคคลนิรนามก็คือ นางเป็นคนมีชื่อเสียประจำเมืองนี้ การมีชื่อเสียงไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่ต้องมีคนกระจายข่าว ลิ้นของใครที่ทำหน้าที่กระจายข่าว ... น่าจะเป็นลิ้นของ "คนดีทั้งหลาย" นั่นเอง

      หญิงคนบาปนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนชีวิตของนางเสียใหม่ ... นางจำเป็นต้องพบกับการคืนดีภายในตนเอง ด้วยพระหรรษทานของพระเจ้า นางจึงพบกับต้นกำเนิดของการคืนดี ... ในองค์พระเยซูเจ้าผู้เสด็จมากอบกู้คนบาป

      เราได้เห็นหญิงคนนี้ไปสารภาพบาป ภาษาของนางประกอบด้วยน้ำตาและการสัมผัส การกระทำของนางคือการจูบ และการเจิมด้วยน้ำมันหอม พระเยซูเจ้าไม่ได้ตรัสถามนางว่า "เธอทำบาปกี่ครั้ง" หรือ "เธอยินดีกับการทำบาปนั้นหรือเปล่า" นางโชคดีที่ไม่ได้มาขอสารภาพหลังจากนั้นหลายศตวรรษ ตะแกรงไม้ในที่สารภาพบาปคงไม่เข้าใจน้ำตาของนาง และคงไม่ตอบสนองความต้องการลึกๆ ในใจของนางที่อยากให้ใครบางคนสัมผัสตัวนาง

      เรื่องย้อนกลับมาที่ฝ่ายชาย "เขาคิดในใจ" ...  การพูดกับตนเองในใจเป็นอาการที่แสดงว่าบุคคลนั้นกำลังมีเรื่องโต้แย้งกับส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราพยายามเก็บกดไว้ เมื่อเราพยายามปฏิเสธส่วนหนึ่งของความเป็นจริงในชีวิตของเรา กลไกอย่างหนึ่งที่เราใช้ปกป้องตนเองก็คือใช้กฏบางอย่างเป็นที่กำบัง เพราะกฏนั้นปกป้องความรู้สึกของเราว่าเราเป็นผู้ชอบธรรม

      บทบัญญัติกำหนดไว้ว่า ผู้เป็นรับบีควรอยู่ห่างๆผู้หญิงในที่สาธารณะ แต่ที่นี่มีหญิงคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงไม่ดี และชายที่ชื่อเยซูนี้กำลังยอมให้คนบาปคนนี้สัมผัสตัวเขา ดังนั้น ซีโมนจึงกำลังตัดสินและประเมินความหนักหนาของความผิดนี้ บัดนี้ สมองของเขากลายเป็นกับดักที่ขังเขาไว้ภายใน เพราะเขาไม่สามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ด้วยความเข้าใจสตรีได้

      เขาจะตีฝ่าออกมาจากฉากที่เขาใช้ป้องกันตนเองนี้ได้อย่างไร พระเยซูเจ้าทรงใช้เรื่องของลูกหนี้สองคนเพื่อเปิดประตูคุกให้เขา พระองค์ทรงเชิญซีโมนให้ก้าวออกมาจากข้างหลังฉากที่ป้องกันตนเอง โดยให้เขาตอบคำถามข้อหนึ่ง ไม่ใช่คำถามเกี่ยวกับหนี้หรือความถูกต้องของพฤติกรรม แต่เกี่ยวกับความรัก "ในสองคนนี้ คนไหนจะรักเจ้าหนี้มากกว่ากัน" พระเยซูเจ้าทรงมองว่าการพบกันครั้งนี้ ไม่ใช่เรื่องของบาปหรือการติดมลทินจากคนชั่ว แต่ทรงมองว่าเป็นวันที่ความรักถูกปลดปล่อยออกมาจากภายใต้ความรู้ผิดและหนี้ที่กองทับอยู่ หญิงคนนี้คงได้รับการปลดปล่อยจากภาระที่หนักอึ้งเมื่อนางแสดงความรักอย่างฟุ่มเฟือยเช่นนี้ "นางได้รับการอภัยบาปมากมายของนางแล้ว มิฉะนั้น นางคงไม่แสดงความรักมากเช่นนี้"

      ซีโมน ฟาริสีผู้ระวังตัว ได้พยายามปฏิบัติหน้าที่เพื่อแสดงความรักของเขาต่อพระเจ้า แต่หัวใจของสตรีนิรนามผู้นี้ค้นพบว่า ศาสนาเริ่มต้นด้วยการยอมให้พระเจ้ารักเรา

      สิ่งที่ท้าทายเราคือ พวกเราหลายคนที่ร่วมโต๊ะอาหารบ่อยครั้งกับพระเยซูเจ้า และอาจถึงกับทุกวัน เราอาจห่างเหินจากพระทัยของพระองค์เพราะเราตัดสินผู้อื่นอย่างเย็นชา และการยึดถือหลักการอย่างไม่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น พระเยซูเจ้าอาจประทับอยู่ใกล้ชิดหัวใจของบางคนมากกว่า ทั้งที่เขาเหล่านั้น ถูกห้ามไม่ให้มารับพระองค์ที่พระแท่น เช่นเดียวกับหญิงนิรนามคนนี้ คนเหล่านั้น อาจไม่ได้นั่งร่วมโต๊ะอาหารกับพระองค์ แต่เขารู้จักพระเมตตาของพระองค์และเขาเข้ามาหาพระองค์ทางด้านหลัง เพื่อสัมผัสพระองค์ในคำภาวนา

      บางทีการรักอย่างฟุ่มเฟือย แม้ว่าไม่ได้กระทำอย่างถูกต้องเหมาะสมเสมอไป อาจดีกว่าการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องเหมาะสม แต่ปราศจากความรัก แต่ที่ดีที่สุดก็คือการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องเหมาะสมควบคู่กับการรักอย่างฟุ่มเฟือย

ที่มา : นิตยสารแม่พระยุคใหม่ ราย 2 เดือน ฉบับที่ 230 ปีที่ 39 มีนาคม - เมษายน 2020/2563 หน้า 15-16